มาหาคำตอบกันว่า
เด็ก ๆ ควรเล่นของเล่นวันละกี่ชั่วโมง? ผู้ปกครองควรลงทุนซื้อของเล่นมากน้อยแค่ไหน? ของเล่นอะไรที่เหมาะกับเด็กแต่ละวัย?
ของเล่นอะไรที่อาจส่งผลร้ายมากกว่าผลดี?
ทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับของเล่น
ของเล่นจำเป็นสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กอย่างไร?
ของเล่นเป็นวิธีการสอนให้เด็ก ๆ
รู้จักโลกกว้างวิธีหนึ่ง โดยกระตุ้นให้พวกเขาอยากเกิดความรู้อยากเห็นและเกิดความคิดสร้างสรรค์
ตัวอย่างเช่น รูปสัมผัสของของของเล่นสามารถสอนให้เด็ก ๆ รู้จักวัสดุชนิดต่าง ๆ ของเล่นที่มีเสียงและดนตรีสามารถกระตุ้นให้เกิดการแสดงออกด้านดนตรี
หรือการวาดภาพ การสร้างและประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็สร้างเสริมจินตนาการให้กับเด็ก ๆ
ของเล่นที่จะช่วยเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก
ของเล่นควรมีความปลอดภัยและเหมาะสมกับวัยของเด็ก
ตัวของเล่นเองอาจไม่สำคัญเท่าโอกาสที่เด็ก ๆ จะได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในระหว่างที่เล่น
แม้แต่ครอบครัวรายได้น้อยก็สามารถใช้สิ่งที่หาได้รอบ ๆ ตัวเป็นของเล่นได้ เช่น
พับเศษกระดาษเป็นรูปต่าง ๆ หรือวาดรูป แม้แต่บล็อกไม้สีสีนต่าง ๆ ก็เป็นของเล่นอย่างดีได้เช่นกัน
ของเล่นแบบดั้งเดิม เช่น ตุ๊กตุ่นตุ๊กตารูปสัตว์หรือรถก็เป็นของเล่นประเภทหนึ่ง
เครื่องดนตรี, อุปกรณ์ศิลปะ
และหนังสือก็เป็น “ของเล่น” อีกประเภทหนึ่ง
ส่วนคอมพิวเตอร์, แทบเบล็ต และโทรศัพท์มือถือก็ถือเป็นของเล่นประเภทใหม่ที่เราไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่ควรมองข้ามการทำกิจกรรมนอกบ้านและการออกกำลังด้วย
ของเล่นที่บั่นทอนการเรียนรู้ของเด็ก
ของเล่นควรเป็นสิ่งที่สามารถกระตุ้นและท้าทายความสามารถ
แต่ถ้าเด็กติดของเล่นชิ้นใดชิ้นหนึ่งงอมแงม เล่นแบบไม่ยอมวาง ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาได้
เช่น เด็กที่ติดเกมคอมพิวเตอร์งอมแงมจนไม่เป็นอันกินอันนอน ไม่ยอมทำการบ้าน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับอาวุธของเล่น
ว่ามันอาจเป็นสิ่งกระตุ้นให้เด็กเกิดความก้าวร้าวหรือไม่อีกด้วย
ผู้ปกครองควรทำอย่างไรหากลูกชอบของเล่นที่ไม่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต?
ผู้ปกครองควรสังเกตการเล่นของลูก และวางกฎว่าเขาจะเล่นเมื่อไหร่และเล่นนานแค่ไหน เช่น เล่นได้เฉพาะเมื่อกินข้าวเสร็จหรือทำการบ้านเรียบร้อย ผู้ปกครองควรหากิจกรรมอื่น ๆ ให้ลูกทำ เช่น วาดรูป เล่นดนตรี อ่านหนังสือ เล่นกีฬา ออกไปสำรวจธรรมชาติ หรือทำกิจกรรมทางสังคมอื่น ๆ เสริม
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกเล่นแต่ของเล่นที่ไม่สร้างสรรค์?
การเล่นเกมคอมพิวเตอร์มากเกินไปอาจทำให้นอนไม่หลับ กินอาหารไม่ลง น้ำหนักลด และส่งผลเสียต่อการเรียน การเล่นกับอาวุธของเล่น เช่น ปืนของเล่น อาจทำให้เด็กเข้าใจผิดคิดว่าการฆ่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งปลูกฝังความรุนแรง และทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมนิยมความรุนแรง
ของเล่นอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง
คำแนะนำสำหรับผู้ปกครองเกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการของลูก
ผู้ปกครองควรมีเวลาทำกิจกรรมร่วมกับลูก ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องทำงานประจำนอกบ้าน หลายบ้านจึงพยายามแก้ปัญหาโดยการส่งลูกไปเรียนพิเศษ เรียนภาษา, เลข, ศิลปะ, ดนตรี, เต้นรำ หรือกีฬา โดยหารู้ไม่ว่าอาจเป็นการยัดเยียดมากเกินไปจนเด็ก ๆ ไม่มีเวลาเล่นหรือใช้เวลาอยู่คนเดียว ผู้ปกครองควรพยายามรักษาสมดุลย์อย่าให้ตารางชีวิตของลูกแน่นจนไม่มีเวลาอย่างอื่น
คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายยังจำเป็นต้องแยกแยะให้ออกระหว่างการกระตุ้นและการกดดัน กิจกรรมต่าง ๆ ที่คุณให้ลูกทำควรสนุกสนาน ถ้าเด็กไม่ชอบทำกิจกรรมบางอย่าง คุณควรให้เขาหยุดสักพักและให้เขาลองอีกในภายหลัง กิจกรรม เช่น การอ่านหนังสือ การออกไปสำรวจโลก และกิจกรรมกลางแจ้งก็เป็นกิจกรรมสำคัญที่พ่อแม่หลายคนมักมองข้าม
คิดก่อนส่งลูกเรียนภาษาที่สาม
ของเล่นที่เหมาะกับเด็กพิเศษ
เด็กแต่ละคนก็มีความต้องการของเล่นแตกต่างกันไป โดยเฉพาะเด็กพิเศษ ของเล่นควรเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก ตัวอย่างเช่น ถ้าเด็กอายุหกขวบ แต่มีพัฒนาการเท่าเด็กอายุสามขวบ เขาก็อาจชอบของเล่นที่เด็กเล็กเล่นมากกว่า ของเล่นที่ทำมาจากวัสดุหลาย ๆ ชนิด มีสีสันสดใส มีเสียง และเปลี่ยนรูปร่างได้เป็นของเล่นที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้แก่เด็กพิเศษ ส่วนเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายอาจต้องการของเล่นที่ช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหว เช่น ลูกบอลไว้เตะหรือโยน ของเล่นที่ต้องเข็นหรือผลัก เกมเต้นหรือเกมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ทักษะการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมัดเล็กอาจพัฒนาได้โดยการวาดรูป เย็บปักถักร้อย (ด้วยเข็มยักษ์) ปั้นดินน้ำมัน ตัวต่อ พับกระดาษ หรือตกปลา เกมที่จะช่วยพัฒนาทักษะการพูดรวมไปถึงไมโครโฟนกับลำโพง หรือเครื่องเป่าต่าง ๆ